วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

7วิธี แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง

สภาพผิวที่มีรูขุมขนกว้าง มักจะไม่เป็นที่ต้องการของสาว ๆ ไม่ว่าคนไหน เพราะนอกจากจะทำให้ดูผิวหน้าไม่ละเอียดใสกิ๊งแล้ว สาว ๆ ที่มีรูขุมขนกว้างยังเสี่ยงต่อการเป็นสิวอุดตัน หัวดำ หัวขาว มากกว่าสภาพผิวประเภทอื่นเสียอีก วันนี้กระปุกดอทคอม ก็เลยสรรหาเคล็ดไม่ลับในการพิชิตปัญหารูขุมขนกว้างมาฝากกัน ซึ่งให้ความสำคัญทุกขั้นตอนการดูแลผิวเลยทีเดียวล่ะ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยดีกว่า

          1. การทำความสะอาดผิว สาว ๆ ที่มีผิวหน้ารูขุมขนกว้างควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็นจัด ซึ่งน้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขน ให้สิ่งสกปรกหลุดออกมา ส่วนน้ำเย็นจะช่วยกระชับผิวหลังจากล้างหน้า และเมื่อไม่มีสิ่งอุดตันใด ๆ ในรูขุมขนแล้ว ผิวก็จะใสไร้สิวเลยล่ะค่ะ

          2. อย่าล้างหน้าบ่อย แม้ว่าการล้างหน้าจะเป็นวิธีทำความสะอาดรูขุมขนและผิวหน้า ให้ห่างไกลจากปัญหาผิวต่าง ๆ แต่หากสาว ๆ ล้างหน้าบ่อยเกินไป ผิวหน้าก็จะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และอาจจะยิ่งมีปัญหาผิวเพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ

          3. โทนเนอร์ ควรใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดผิวอีกครั้งหลังล้างหน้า และเป็นการเตรียมผิวหน้าสู่ขั้นตอนการปรนนิบัติผิวอีกด้วย ซึ่งโทนเนอร์นี้จะช่วยให้ผิวหน้าสะอาด และแน่นอนว่า เมื่อไม่มีสิ่งอุดตันในรูขุมขนแล้ว หน้าก็จะใส และผิวดูกระชับขึ้น

          4. พยายามดูแลเรื่องความมันบนใบหน้า เพราะความมันนี่แหละเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนกว้างนั่นเอง ดังนั้น สาว ๆ ควรดูแลเรื่องนี้ให้มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพอกหน้า การใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์ฟรี อย่าให้ขาดเลยค่ะ

          5. ปกป้องผิว อย่าลืมปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด เพราะแสงแดดและความร้อนจะทำให้ใบหน้าหมองคล้ำ ผิวเสียความชุ่มชื้น และหน้าอาจจะมันมากขึ้นด้วย

          6. น้ำแข็ง ก่อนนอนหรือกลับไปบ้านตอนเย็น ลองใช้น้ำแข็งสะอาดมาประคบบริเวณใบหน้าสัปดาห์ละ 2-3 วัน ทำบ่อย ๆ ก็จะช่วยกระชับรูขุมขนได้ อ๊ะ ๆ แต่ก่อนเอาน้ำแข็งประคบ อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดก่อนนะจ๊ะ

          7. พอกหน้าด้วยไข่ขาว ไข่ขาวมีส่วนช่วยกระชับรูขุมขนของสาว ๆ อย่างได้ผล แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำต่อเนื่องกันอย่าเว้น ซึ่งนอกจากจะช่วยกระชับรูขุมขนแล้ว ไข่ขาวยังทำให้ใบหน้านุ่มนวลอีกด้วย

          คราวนี้ สาว ๆ ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ก็ลองเอาเคล็ดไม่ลับที่ว่านี้ไปปฏิบัติให้ครบถ้วนกันดูนะคะ แต่อย่าเพิ่งท้อตั้งแต่เดือนแรก ๆ ที่เริ่มทำก่อนล่ะ เพราะของแบบนี้ต้องใช้เวลาสักหน่อยถึงจะเห็นผล


ขอบคุณข้อมูลจาก women.kapook

 http://www.siambodycare.com/daily-gluta-premium-set?acc=3295c76acbf4caaed33c36b1b5fc2cb1&bannerid=5

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

สร้างสมดุลชีวิตด้วยดนตรีบำบัด


เริ่มต้นบทความด้วยเพลงบรรเลงฟังสบายก่อนนอน คลิ๊กเลย

Spa Music Relaxation With Piano Long Time Mix by Spavevo

สร้างสมดุลชีวิตด้วยดนตรีบำบัด (Health plus)

          แม้จะมีเพียงเสียงเพลงลอยมาให้ได้ยิน แต่ก็ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมได้ไม่น้อย ที่เป็นเช่นนี้เพราะดนตรีส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ รวมถึงการทำงานของสมองของเรานั่นเองค่ะ

          มีข้อพิสูจน์จากผลการวิจัยหลายเรื่องที่แสดงว่า ดนตรีส่งผลต่อร่างกาย โดยสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราการหายใจ อัตราการเต้นของชีพจร ความดันโลหิต การตอบสนองของม่านตา ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ และการไหลเวียนโลหิต ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อจิตใจและสมอง คือ สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สติสัมปชัญญะ จินตนาการ การรับรู้สภาพความเป็นจริง

          ด้วยเหตุนี้นอกจากเราจะใช้ประโยชน์จากดนตรีเพื่อความสุนทรีย์แล้ว ปัจจุบันมีการนำดนตรีมาใช้ประโยชน์ เพื่อการฟื้นฟูเยียวยาจิตใจของผู้ป่วยและคนทั่วไปมากขึ้น ในศาสตร์ของ ดนตรีบำบัด เพราะพบว่าดนตรีใช้ได้ผลดียิ่งกับโรคทางกายและทางจิตเวช


ประโยชน์ของดนตรีบำบัด

          ดนตรีบำบัดสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ ใช้ได้ทั้งในวัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ เพื่อสนองตอบความจำเป็นที่แตกต่างกันไป ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น ปัญหาพัฒนาการบกพร่อง โรคซึมเศร้า โรคอัลไซเมอร์ ปัญหาการบาดเจ็บทางสมอง ความพิการทางกาย อาการเจ็บปวด หรือสำหรับคนปกติทั่วไป ก็สามารถใช้ประโยชน์จากดนตรีบำบัดเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด หรือเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ได้เช่นเดียวกัน


ดนตรีบำบัดช่วยได้

          ปรับสภาพจิตใจให้สมดุล

          ผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความวิตกกังวล

          กระตุ้น เสริมสร้าง และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ และเสริมสร้างความจำ

          กระตุ้นประสาทสัมผัส

          เสริมสร้างสมาธิ

          พัฒนาทักษะทางสังคม

          พัฒนาทักษะการสื่อสารและการใช้ภาษา

          พัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว

          ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ

          ลดอาการเจ็บปวดจากสาเหตุต่าง ๆ

          ปรับลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

          สร้างสัมพันธภาพที่ดีในการบำบัดรักษาต่าง ๆ

          ช่วยเสริมสร้างในกระบวนการบำบัดทางจิตเวช ทั้งในการประเมินความรู้สึก สร้างเสริมอารมณ์เชิงบวก การควบคุมตนเอง การแก้ปมขัดแย้งต่าง ๆ



ขอบคุณเพลงเพราะจาก Youtube
ขอบคุณบทความจาก health.kapook

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง น้ำตาลทราย

คำกล่าวที่ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา ยังคงเป็นความจริง เพราะแม้น้ำตาล จะให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ก็มีผลเสียต่อสุขภาพ เป็นของแถมตามมาอีกหลายโรค ลองดูเหตุผลต่อไปนี้ ก่อนกินน้ำตาลคราวต่อไป
1.
เมื่อเรากินน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลเชิงเดี่ยว (น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลในนม) น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล จึงมีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่างๆ ภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล
2.
ทำให้เกิดไขมันสะสม น้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับ ในรูปของไกลโคเจน แต่ถ้ามีมากจนเกินไป ตับก็จะส่งไปยังกระแสเลือด และเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โดยจะสะสมไว้ในส่วนของร่างกาย ที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง
3.
หากยังคงรับประทานน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง กรดไขมันจะสะสมไว้ที่อวัยวะภายในอื่นๆ เช่น หัวใจ ตับ และไต ดังนั้น อวัยวะเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกห่อหุ้มด้วยไขมันและน้ำเมือก ร่างกายจะเริ่มผิดปกติ ความดันเลือดจะสูงขึ้น
4.
การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกง่วงหงาวหาวนอน
5.
อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นตะคริวเวลามีรอบเดือน เป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวาร ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ มะเร็งตับ เหล่านี้ล้วนสัมพันธ์ กับการรับประทานน้ำตาลมากเกินไป
6.
น้ำตาลทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยุ่ ทวีความรุนแรงขึ้น เพราะเชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร
7.
น้ำตาลนอกจากจะมีผลต่อผู้ใหญ่แล้ว ยังมีผลต่อเด็กอีกด้วย เพราะถ้าหากเด็กกินน้ำตาล ในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้เด็กเป็นโรคกระดูกเปราะ และฟันผุได้ และอาจเป็นคนโกรธง่าย ไม่มีสมาธิในสิ่งที่ทำอยู่

ขอบคุณข้อมูลจาก  yourhealthyguide